เบื้องหลัง ของ ศาลยุติธรรมชั้นสูงสำหรับพิจารณาคดีพระเจ้าชาลส์ที่ 1

หลังจากสงครามกลางเมืองอังกฤษครั้งที่ 2 กองทหารและฝ่ายนิยมอิสระทางศาสนาในรัฐสภาก็มีความเห็นว่าพระเจ้าชาลส์ควรจะถูกลงโทษแต่ก็ไม่มีเสียงข้างมาก ฝ่ายที่ส่วนใหญ่เป็นเพรสไบทีเรียนก็ยังโต้แย้งกันว่าควรจะให้พระเจ้าชาลส์กลับไปเป็นพระมหากษัตริย์ต่อไปหรือไม่ ฝ่ายนี้ก็พยายามเจรจาต่อรองกับพระเจ้าชาลส์ต่อไป

ด้วยความไม่พอใจที่รัฐสภาบางส่วนยังคงสนับสนุนพระเจ้าชาลส์ กองทหารกลุ่มหนึ่งที่นำโดยทอมัส ไพรด์ (Thomas Pride) ก็บุกเข้ายึดสภาสามัญชน ในเหตุการณ์ที่เป็นที่รู้จักกันว่า “การยึดรัฐสภาของไพรด์” ตามชื่อผู้นำ เมื่อวันที่พุธที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 1648 นายพันไพรด์ก็ยึดบริเวณบันไดที่ขึ้นไปยังสภาสามัญชน โดยมีนาเธเนียล ริชเป็นกองหนุน นายพันไพรด์เองยืนเหนือบันได เมื่อสมาชิกมาถึงนายพันไพรด์ก็ตรวจตามรายนามที่ได้รับมา กองทหารจับสมาชิกสภา 45 คนและกันไม่ให้อีก 146 เข้าไปในรัฐสภาและอนุญาตให้สมาชิกเพียง 75 คนที่กองทหารเป็นผู้เลือกเข้าประชุม เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ. 1648 รัฐสภารัมพ์ที่เป็นชื่อเรียกรัฐสภาที่เหลือก็ยุติการต่อรองกับพระเจ้าชาลส์ สองวันต่อมาสภานายทหารของกองทัพตัวอย่าง (Council of Officers) ก็ออกเสียงให้นำตัวพระเจ้าชาลส์ไปวินด์เซอร์ในบาร์เชอร์ “เพื่อที่จะนำตัวพระองค์มาตัดสินด้วยความยุติธรรมอย่างรวดเร็ว”[1] ในกลางเดือนธันวาคมพระเจ้าชาลส์ก็ถูกนำตัวกลับมาลอนดอน